Saturday, March 1, 2014

ลัดเลาะรอบรั้วสเปน: Olite (โอลิเต้) เมืองปราสาทยุคกลางแห่งดินแดนไวน์สเปน (ทริปเที่ยวช่วงปีใหม่ END YEAR'S TRIP - ตอนที่ 1)


ทริปส่งท้ายปีเก่าทริปนี้วางแผนไป 5 วัน 4 คืน โดยมีเมืองที่หมายมั่นปั้นมือว่าจะไปให้ได้ 2 เมือง คือ Olite (โอลิเต้) กับ Monserrat (มอนเซรรัต) ส่วน Zaragoza (ซาราโกซ่า) กับ Barcelona (บาร์เซโลน่า) ใช้เป็นฐานที่มั่นในการพักแรม เพราะทั้งสองที่ติ๊ดตี่ไปมาแล้วสองรอบ! 


การเดินทางจากมาดริดไปซาราโกซ่าคราวนี้ ติ๊ดตี่นั่งรถไฟแบบหวานเย็น คือ รถไฟที่มันจอดทุกเมือง ทุกหมู่บ้าน เพื่อความประหยัด (ฮา) แต่สภาพรถไฟเค้าก็ไม่ได้ไก่กาน๊า ดีกว่ารถไฟแนวอนุรักษ์นิยมบ้านเราอยู่มากโข!



รถไฟแบบ Regional 


Zaragoza ในคืนวันคริสต์มาส


El Pilar มหาวิหารประจำเมือง


ไปถึงเมืองซาราโกซาวันที่ 25 ธันวาซึ่งเป็นวันคริสต์มาสพอดิบพอดี เลยได้เห็นบรรยากาศอันคึกคักมากๆบริเวณถนนคนเดินและลานข้างมหาวิหาร El Pilar (เอล ปิลาร์) มหาวิหารประจำเมืองซาราโกซา บรรยากาศดีมาก คนคึกคัก ไฟประดับประดาพรึบพรับ ร้านอาหารแน่นขนัด ซาราโกซ่าเป็นเมืองที่ติ๊ดตี่เคยคิดไว้ว่า เป็นเมืองที่อยู่ได้ เพราะมีทุกอย่าง ทั้งสิ่งอำนวยความสะดวก ถนนชอปปิ้งที่กว้างขวาง (และมีครบทุกยี่ห้อให้เลือกสรร!) ระบบขนส่งมวลชนที่ดี มีทั้งรถเมล์ รถรางไฟฟ้า รถไฟใต้ดิน รถไฟ Cercania (รถไฟสายที่นั่งออกไปนอกเมืองและบริเวณใกล้เคียง) แถมยังมีวิวแม่น้ำที่สวยมาก (ภาพล่าง: มหาวิหารเอล ปิลาร์ / แม่น้ำเอโบร / สะพานโรมันเก่า - ถ่ายอีกวันตอนรุ่งเช้าก่อนออกจากซาราโกซ่า)





วันที่สองติ๊ดตี่ออกเดินทางไป Olite (โอลิเต้) ด้วยรสบัสของบริษัท Alsa ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชม.ครึ่ง โอลิเต้เป็นเมืองเล็กๆในจังหวัด Pamplona (ปัมโปลน่า) แคว้น Navarra (นาบาร์ร่า) นับว่าเป็นการไปเหยียบแคว้นนี้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่มาเที่ยวสเปน (ถ้าไม่นับว่าเคยนั่งรถผ่าน แต่ไม่เคยแวะเที่ยว) โอลิเต้เป็นเมืองที่เห็นครั้งแรกจากการ search หาที่เที่ยวในสเปนที่ใหม่ๆที่ยังไม่เคยไป แล้วไปเจอรูปปราสาทของเมืองนี้ที่มันแบบ...เฮ้ยยยย...สเปนมีที่แบบนี้ด้วยหรอ!!! (เกิดอาการตาลุกวาวมาก) เพราะฉะนั้นเป้าหมายหลักของการมาเมืองนี้ คือ การไปดู Palacio Real de Olite หรือบางคนก็เรียก Castillo de Olite ขอเรียกง่ายๆว่า ปราสาทโอลิเต้แล้วกันค่ะ



ซอกซอยเมือง Olite วันนี้เมืองเงียบเหงามาก อาจจะเป็นเพราะเป็นวันที่ 26 ธันวา หลังวันคริสต์มาสพอดี คนจะพักผ่อนอยู่บ้านไม่ก็ออกไปเที่ยวช่วงวันหยุดยาวกันแล้ว


ลานกว้างหน้าปราสาท


มาถึงตอนบ่ายโมงกว่าๆ ได้เวลากินข้าวกลางวันพอดี เลยไปนั่งกินให้อิ่มท้องก่อน เลยมาจบที่ร้านนี้ค่ะ ชื่อร้าน ERRI BERRI เพราะดู Menu del Día หรือเมนูเซ็ตอาหารประจำวันของร้านนี้ดูน่ากินมากทีเดียว 


สั่ง Arroz con pato y setas หรือข้าวกับเป็ดและเห็ด เพิ่งเคยเห็นอาหารสเปนใส่เป็ด อร่อยเลยทีเดียว เหมือนกินข้าวต้มใส่เป็ดฉีกนุ่มๆกับเห็ด จานนี้จัดอยู่ในประเภทริซ็อตโต้ค่ะ


Sidra Natural ไวน์แอปเปิ้ลแบบไม่อัดแก๊ส 


Carrillera ตอนแรกสั่งไปก็ไม่รู้ว่ามันคือส่วนไหนของวัว กินไปก็รู้สึกว่ามันมันๆ นุ่มมาก น่าจะมีไขมันแทรกอยู่ แทบจะละลายในปาก ซอสก็อร่อยมาก เค็มๆดี แต่กินไปนานๆจะเลี่ยน มาเปิดดิกดูตอนหลัง
แม่เจ้า! มันคือเนื้อส่วนกระพุ้งแก้มของวัว ตรึงงงง ช็อค (ฮา)


จานนี้เป็นสเต็กเนื้อ


Tarta de Turrón เค้กตูร์รอน (ถั่วตัดหวานๆของสเปน)



ปราสาทโอลิเต้สร้างขึ้นช่วงปี ค.ศ. 1402 - 1424 โดยกษัตริย์ Carlos III "el Noble" (การ์ลอสที่สาม “เอล โนเบล”) ซึ่งเป็นกษัตริย์ของอาณาจักรนาบาร์ร่าในช่วงปี ค.ศ. 1387 - 1425 ในตอนนั้นนาบาร์ร่ายังไม่ได้ผนวกรวมเข้ากับอาณาจักร Castilla (กัสติย่า) ว่ากันว่ากษัตริย์องค์นี้เป็นคนที่ชอบเรื่องศิลปะ วัฒนธรรม และความหรูหราของการใช้ชีวิตในพระราชสำนักมากกว่าจะสนใจเรื่องการบ้านการเมืองหรือการทหาร ในสมัยนั้นปราสาทแห่งนี้ก็ได้รับการกล่าวขานว่ามีความหรูหราอลังการและสวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป





ในปี ค.ศ. 1512 อาณาจักรนาบาร์ร่าถูกตีแตกและถูกผนวกรวมเข้ากับอาณาจักรกัสติย่าที่นี่เลยถูกลดเกรดใช้เป็นที่พักของขุนนางชั้นสูง ผู้ครองเมือง และอัศวิน มาในปี ค.ศ. 1813 ในช่วงนั้นฝรั่งเศสเข้ามาปกครองสเปนและเกิดสงครามเพื่อปลดแอกสเปนออกจากฝรั่งเศส (Guerra de la Independencia) นายพลสเปนคนหนึ่งจึงเผาปราสาทแห่งนี้ทิ้ง เพื่อป้องกันไม่ให้ทหารฝรั่งเศสใช้ปราสาทแห่งนี้เป็นฐานที่มั่นในการต่อสู้ ปราสาทจึงถูกไฟไหม้เสียหายไปเกือบทั้งหมด เหลือแต่รากฐานและผนังบางส่วนเท่านั้น ในปี ค.ศ. 1937 สภาแคว้นนาบาร์ร่าจึงมาเริ่มดำเนินการบูรณปฏิสังขรณ์ปราสาทแห่งนี้ จนกระทั่งงานเสร็จสิ้นราวปี ค.ศ. 1967 ใช้เวลาทั้งหมด 30 ปี จึงออกมาสวยงาม อลังการ และคงรูปแบบเดิมดังเช่นในศตวรรษที่ 14 - 15



ข้างในปราสาทจะโล่งๆ ไม่มีเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งใดใดทั้งสิ้น แต่จะมีชื่อของแต่ละห้องที่ทำให้พอจินตนาการได้ว่าแต่ก่อนมันเคยเป็นห้องอะไร สิ่งที่น่าตื่นตาตื่นใจที่สุดคือ โครงสร้างและการออกแบบปราสาทที่สวยงาม แปลกตา เหมือนปราสาทในเทพนิยาย มีหอคอยที่มีหลังคาทรงกรวยแหลมๆ ถ้ามาหน้าฤดูใบไม้ผลิน่าจะสวยมาก เพราะมีเถาวัลย์ไม้เลื้อยเกาะอยู่ตามผนังปราสาทด้วย เวลาออกดอกหรือมีใบเขียวๆน่าจะสวย




สภาพปราสาทก่อนการบูรณะ เหลือแต่ซากจริงๆ




โดยสรุปแล้ว ปราสาทโอลิเต้เป็นปราสาทที่น่าไปเห็นของจริง แม้ว่าเอาเข้าจริงๆปราสาทที่เราเห็นอยู่ในปัจจุบันนี้จะเป็นการสร้างขึ้นมาใหม่เกือบทั้งหมดช่วงต้นศตวรรษที่ 19 ก็ตาม เหมาะที่จะมาแวะเที่ยวซักครึ่งวันแล้วเดินทางต่อไปเมืองอื่นๆมากกว่าที่จะมาค้าง เพราะเมืองเล็กมากๆ แถมเงียบมากด้วยนอกจากตัวปราสาทที่นี่เค้าก็มีอุตสาหกรรมไวน์ที่ดัง เพราะตั้งอยู่ในแคว้นนาบาร์ร่าซึ่งเป็นแคว้นที่ขึ้นชื่อด้านการผลิตไวน์แคว้นหนึ่งของสเปนเลยทีเดียว สำหรับคอไวน์จะลองแวะมาจิบไวน์พลางชมปราสาทไปด้วยก็ไม่เลวนะคะ :)


สำหรับในตอนต่อไป ติ๊ดตี่จะมารีวิวเมือง Monserrat (มอนเซร์รัต) ซึ่งเป็นจุดม่งหมายต่อไปของทริปนี้ รวมถึงบาร์เซโลน่าอีกนิดหน่อยค่ะ :)


สถานีรถไฟ Olite / ขากลับนั่งรถไฟกลับ เปลี่ยนบรรยากาศนิดนึง

1 comment:

  1. อยากไปจัง ถ่ายรูปสวยจังค่ะ ทำให้มี inspiration มากเบยยยยยยยยยย! อธิบายดีมากเลยค่ะ ใช้คำที่น่าอ่านมาก เราอ่านทุกคำเลย ขอบคุณค่ะ finnnnnnnnnnnnnnnnn Gracias por la informacion

    ReplyDelete